ก่อนหน้ามีข่าวลือออกมาว่า บีจี ปทุมฯ ยูไนเต็ด กำลังอยากได้ตัว ดิโอโก หลุยส์ ซานโต แนวรุกชาวบราซิล อดีตแข้ง ปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งปัจจุบันเขากำลังค้าแข้งอยู่ในลีกมาเลซียกับทีม ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม โดยให้กลับมาค้าแข้งในไทยลีกอีกครั้ง ถึงขั้นพร้อมจ่ายค่าเหนื่อยให้ 4 ล้านบาทต่อเดือน

 

 

ล่าสุด โค้ชง้วน สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ ผู้อำนวยการสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้ออกมาโต้ข่าวลือดังกล่าว ว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดย โค้ชง้วน ได้ให้ยืนยันผ่านทางรายการเม้าส์กีฬาประสาบีบางปะกง ว่า “เรื่องนี้ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด ความจริงข่าวที่ออกมาเรื่องของการซื้อขายตัวนักเตะต้องระมัดระวังมากกว่านี้ ไม่ใช่นึกจะออกข่าวมาอย่างไรก็ได้ ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงด้วย ที่ผ่านมาตนยอมรับว่า กรณีการซื้อตัว อันเดรส ตูเญซ หรือดีลของฝาแฝด ทิตาธร และ ทิตาวีร์ อักษรศรี นั้น ตนรู้เรื่องมาตลอด เพียงแต่เปิดเผยอะไรมากไม่ได้เพราะทุกอย่างอยู่ในระหว่างการเจรจาพูดคุย อย่าง ตูเญซ ถือเป็นความโชคดีของเราที่ได้ตัวเขามา เพราะเหตุการณ์โควิดทำให้เจ้าตัวกลับบ้านไม่ได้ เลยต้องเล่นที่เมืองไทยต่อ ส่วนเรื่องของฝาแฝด ตนก็พูดคุยกับทาง โค้ชอ้น รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค กุนซือโปลิศเทโร แต่มันไม่ลงตัว หวยก็เลยไปออกที่การท่าเรืออย่างที่เห็นกัน”

 

“แต่ในรายของ ดิโอโก บอกตามตรงเลยว่าที่ผ่านมา ไม่เคยมีการพูดคุยกันเลยในสโมสร ตัวประธาน คุณปวิณ ภิรมย์ภักดี เองก็ไม่เคยพูดถึง ดังนั้นเรื่องจะไปยื่นซื้อในตอนนี้ไม่มีแน่นอน ตนคิดว่าข่าวที่เกิดขึ้นมาจากการสร้างกระแสของเอเยนต์มากกว่า ความจริงนักเตะระดับนี้ ทีมอย่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด หรือ การท่าเรือ เอฟซี ก็มีศักยภาพที่จะดึงตัวมาได้ ไม่ใช่แค่ บีจีทีมเดียว ลองหันไปโฟกัสที่ทีมเหล่านี้บ้างก็ได้นะ”

 

นอกจากนี้ “โค้ชง้วน” ยังกล่าวต่ออีกว่า “สำหรับเป้าหมายของ บีจี ในฤดูกาลนี้ คงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากโควตาไปลุย เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก ในรอบแบ่งกลุ่มโดยอัตโมัติ ซึ่งเราต้องจบที่ 1 หรือที่ 2 ให้ได้ในเลกแรก ขณะเดียวกันเมื่อจบเลกสองถ้าเราได้แชมป์หรือเป็นแชมป์เอฟเอคัพก็จะได้ไปลุยถ้วยเอเชียต่อเนื่องในปีถัดไป ซึ่งโอกาสอย่างนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่ปีที่เกิดเหตุการณ์โควิด นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณปวิณและสโมสรจึงกล้าลงทุนเสริมนักเตะขนาดนี้” 

 

“ถามว่าตน และ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน กดดันมั้ย กับเป้าหมายของทีม ตนบอกเลยว่าขอกดดันที่มีนักเตะคุณภาพให้เลือก มากกว่าจะกดดันที่ผู้เล่นเจ็บแล้วไม่มีใครมาทดแทน ถึงตอนนี้ตนมั่นใจในขุมกำลังของ บีจี ว่าเพียงพอแล้วกับการลุ้นแชมป์ โดยไม่จำเป็นต้องเสริมใครเข้ามาอีก ต่อไปนี้ผลงานจะดีไม่ดีไปวัดกันในสนามอย่างเดียว สำหรับเราแค่ 3 นัดแรกในเกมรีสตาร์ต ที่มีโปรแกรมบิ๊กแมตช์ติดต่อกันทั้งกับ บุรีรัมย์ , การท่าเรือ และ ทรู แบงค็อกฯ แค่นี้ก็วัดได้แล้ว..ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร?”